
จดทะเบียนบริษัทจัดหางาน
ผู้ประสงค์จะยื่นคำขอจดทะเบียนลูกจ้าง/ตัวแทนจัดหางานและการขอมีบัตรประจำตัว (จง.8 และจง.17) ให้ยื่นคำขออนุญาตได้ 2 กรณี ดังนี้
1. กรณีผู้ขอรับใบอนุญาต/บริษัทจัดหางานมีสถานที่ตั้งสำนักงานอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นคำขอ ณ สำนักงานบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ กรมการจัดหางาน
2. กรณีผู้ขอรับใบอนุญาต/บริษัทจัดหางานมีสถานที่ตั้งสำนักงานจังหวัดอื่น ให้ยื่นคำขอ ณ สำนักงานจัดหางานจังหวัดนั้น
ต้องขอใบอนุญาติจาก สนง.จัดหางานก่อน ถึงใช้คำว่า “จัดหางาน” ได้ในชื่อบริษัท
(1) ไม่เป็นผู้รับอนุญาตจัดหางาน
(2) ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตจัดหางาน
(3) ไม่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตจัดหางาน
(4) ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ
(5) ไม่เป็นผู้มีหรือเคยมีความประพฤติเสื่อเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี
(6) ไม่เป็นกรรมการ หุ้นส่วนหรือผู้จัดการของนิติบุคคลซึ่งเป็นผู้รับอนุญาตจัดหางาน
(7) ไม่เป็นกรรมการ หุ้นส่วนหรือผู้จัดการของนิติบุคคลซึ่งถูกเพิกถอนใบอนุญาตจัดหางานหรืออยู่ในระหว่างใช้สิทธิอุธรณ์คำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตจัดหางาน
(8)ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายให้ จำคุกในความผิดตามพระราชบัญญัติให้ถือเอาการกระทำโดยทุจริตเป็นองค์ประกอบ หรือในความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
กรณีตัวแทนจัดหางานต้องมีหลักประกันเป็นจำนวนห้าหมื่นบาทวางให้กับนายทะเบียน เพื่อเป็นหลักประกันการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติฯ
(1) แบบคำขอจดทะเบียนลูกจ้าง (จง.8) หรือแบบคำขอจดทะเบียนตัวแทนจัดหางานฯ(จง.9) และแบบคำขอมีบัตรประจำตัว (จง.17)
(2) สำเนาใบอนุญาตจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานต่างประเทศ (จง.6) พร้อมรับรองสำเนา จำนวน 1 ชุด
(3) กรณีจดทะเบียนตัวแทนฯ ต้องมีหลักประกันห้าหมื่นบาท (เงินสด พันธบัตรรัฐบาลหรือหนังสือค้ำประกันของธนาคาร)
(4) สำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของลูกจ้าง/ตัวแทนที่ขอจดทะเบียนพร้อมรับรองสำเนา อย่างละ 1 ชุด
(5) หนังสือรับรองว่าไม่เป็นลูกจ้าง หรือตัวแทนจัดหางาน กรรมการ หุ้นส่วน หรือผู้จัดการของนิติบุคคลซึ่งเป็นผู้รับอนุญาตจัดหางานอื่น และไม่เป็นกรรมการ หุ้นส่วน หรือผู้จัดการนิติบุคคลซึ่งถูเพิกถอนใบอนุญาติจัดหางานหรืออยู่ในระหว่างใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตจัดหางานให้คนหางานไปทำงานต่างประเทศและจัดหางานให้คนหางานทำงานในประเทศ
(6) ใบรับรองแพทย์ ของลูกจ้าง/ตัวแทน ไม่เกิน 6 เดือน จำนวน 1 ฉบับ
(7) รูปถ่ายครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวกและแว่นตาดำ ขนาด 4×6 ซม. จำนวน 3 รูป ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน
(8) หนังสือมอบอำนาจจากผู้รับใบอนุญาตพร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบและผู้รับอำนาจ (กรณีผู้รับใบอนุญาตไม่ได้มาดำเนินการด้วยตนเอง)
(2) ตรวจสอบคุณสมบัติจากกองตรวจและคุ้มครองคนหางาน ของลูกจ้างหรือตัวแทนจัดหางาน
(3)กรณีจดทะเบียนตัวแทนจัดหางานให้ตรวจสอบความถูกต้องของหลักประกันในกรณีที่เป็นสัญญาค้ำประกันของธนาคาร โดยขอหนังสือรับรองจากธนาคารเพื่อรับรองสัญญาค้ำประกัน
(4) การพิจารณา โดยรวบรวมเอกสารประกอบและผลการตรวจสอบฯ เสนอทะเบียนจัดหางานพิจารณาอนุญาตหรือไม่อนุญาต
– ค่าธรรมเนียมบัตรประจำตัวฯ ฉบับละ 100 บาท
ขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัท
การเปิดบริษัทใหม่ การจดทะเบียนบริษัทอาจจะไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่มีเอกสารที่ต้องจัดทำค่อนข้างมาก และปัจจุบันทางกระทรวงพาณิชย์ได้ปรับเปลี่ยนให้การจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิและจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทสามารถจดในวันเดียวกันได้ จำนวนผู้เริ่มก่อการจ 3 คน ขึ้นไป
1. ผู้ก่อการยื่นขอตรวจและจองชื่อบริษัท ด้วยแบบจองชื่อนิติบุคคล เพื่อตรวจสอบว่าชื่อที่จะใช้นั้นจะเหมือนหรืคล้ายกับชื่อที่คนอื่นได้จดทะเบียนไว้ก่อนหรือไม่ โดยยื่นแบบจองชื่อดังกล่าวแก่นายทะเบียนผู้ตรวจสอบชื่อ และปัจจุบันสามารถจองชื่อผ่านทางอินเตอร์เนตทาง ซึ่งจะทราบผลในวันถัดไปโดยจะแจ้งผลการจองชื่อผ่านทาง e-mail ของผู้จองชื่อนั้น เมื่อจองชื่อได้แล้วจะต้องขอจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิภายใน 30 วัน
2. เมื่อได้ชื่อแล้ว บุคคลซึ่งเป็นผู้ก่อการตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป เข้าชื่อกันจัดทำคำขอจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ์และเอกสารประกอบแล้วนำไปจดทะเบียน
3. เมื่อได้จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิแล้ว ผู้ก่อการต้องจัดให้หุ้นของบริษัทที่คิดจะจัดตั้งขึ้นนั้น มีผู้เข้าชื่อจองซื้อหุ้นจนครบ
4. ดำเนินการประชุมจัดตั้งบริษัท โดยต้องส่งคำบอกกล่าวนัดประชุมให้ผู้จองหุ้นทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน ก่อนวันประชุม
5. เมื่อได้ประชุมตั้งบริษัท และที่ประชุมได้แต่งตั้งกรรมการบริษัทแล้ว ผู้เริ่มก่อการต้องมอบหมายกิจการให้กรรมการบริษัทรับไปดำเนินการต่อไป
6. กรรมการบริษัทจัดการเรียกให้ผู้เริ่มก่อการและผู้ขอจองหุ้น ชำระค่าหุ้นอย่างน้อยร้อยละ 25 ของมูลค่าหุ้น
7. เมื่อได้รับเงินค่าหุ้นแล้ว กรรมการต้องจัดทำคำขอจดทะเบียนตั้งบริษัทและเอกสารประกอบ นำไปจดทะเบียนเป็นบริษัทภายใน 3 เดือน หลังจากการประชุมตั้งบริษัท